รีวิวเครื่องพิมพ์ HP Laser MFP 136a

สารบัญ

HP Laser MFP 136a ใช้ดีไหม? 5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อและต้นทุนพิมพ์ต่อแผ่นเทียบ Inkjet

หลังจากที่ HP Laser MFP 136a เข้ามาเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเครื่องปริ้นเตอร์เลเซอร์มัลติฟังก์ชันราคาประหยัด เราก็ได้เห็นกระแสความนิยมที่สูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม คำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ คือ “HP 136a ใช้ดีไหมในระยะยาว?” และ “ต้นทุนหมึกจริง ๆ แล้วแพงกว่า Inkjet หรือไม่?”

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์สำนักงาน จีจี้ขอพามาเจาะลึก 5 ข้อควรรู้เชิงลึกที่ไม่ได้อยู่ในรีวิวสเปคทั่วไป แต่เป็นข้อมูลที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อวางแผนการใช้งานและคำนวณงบประมาณในระยะยาวค่ะ


1. จุดเด่นที่สุด: ลืมปัญหา “หัวพิมพ์ตัน” ไปได้เลย

นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากตัดสินใจทิ้ง Inkjet แล้วหันมาใช้ Laser Printer อย่าง HP 136a

1.1 เทคโนโลยีที่แตกต่าง (Toner vs Ink)

  • Inkjet (อิงค์เจ็ท): ใช้ “หมึกน้ำ” ซึ่งหากไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน หมึกจะแห้งและอุดตันที่หัวพิมพ์ (Clogging) ทำให้ต้องเสียเงินล้างหัวพิมพ์หรือเปลี่ยนตลับหมึก
  • Laser (เลเซอร์): ใช้ “ผงหมึก” (Toner Powder) ซึ่งเป็นผงพลาสติกขนาดเล็กที่ไม่สามารถแห้งหรือแข็งตัวได้ ไม่ว่าคุณจะทิ้งเครื่องปริ้นไว้เป็นเดือนหรือเป็นปี เมื่อเปิดเครื่องก็สามารถสั่งพิมพ์งานได้อย่างสมบูรณ์แบบทันที

สรุป: หากคุณเป็นคนที่ นานๆ พิมพ์ที หรือมีการใช้งานไม่สม่ำเสมอ HP 136a จะช่วยประหยัดเงินและลดความเครียดจากการซ่อมบำรุงหัวพิมพ์ได้อย่างเด็ดขาด

2. การคำนวณต้นทุนต่อแผ่น: ทำไมถึงประหยัดกว่าที่คิด?

ความเข้าใจผิดที่ใหญ่ที่สุดคือ “หมึกเลเซอร์แพง” ซึ่งเป็นความจริงแค่ครึ่งเดียว เพราะต้องคำนวณจาก “ต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น” (Cost Per Page – CPP)

2.1 ต้นทุนหมึกแท้ (HP 107A)

  • ราคาตลับแท้: ประมาณ 1,xxx บาท
  • ปริมาณการพิมพ์: 1,000 แผ่น
  • ต้นทุนต่อแผ่น (CPP): ประมาณ 1 บาทต่อแผ่น

2.2 ต้นทุนหมึกเทียบเท่า (Compatible Toner)

  • ราคาตลับเทียบเท่า: ประมาณ 5xx – 7xx บาท
  • ปริมาณการพิมพ์: 1,000 แผ่น
  • ต้นทุนต่อแผ่น (CPP): ต่ำกว่า 0.70 บาทต่อแผ่น

เมื่อเทียบกับเครื่อง Ink Tank บางรุ่นที่โฆษณาว่าถูก แต่มีต้นทุนแฝงจากการล้างหัวพิมพ์ หรือต้องใช้หมึกแท้ที่ราคาสูงกว่า ทำให้ในที่สุดแล้ว ต้นทุนรวมของ HP 136a สำหรับงานขาวดำจำนวนมากถือว่า แข่งขันได้ดีมาก และให้ความเสถียรที่เหนือกว่า

3. ข้อจำกัดสำคัญ: การเชื่อมต่อ USB และงานขาวดำเท่านั้น

ดังที่จีจี้เคยรีวิวในบทความก่อนหน้า สิ่งที่คุณต้องยอมรับก่อนตัดสินใจซื้อ 136a คือการ “ไม่มี Wi-Fi”

  • จำกัดการเชื่อมต่อ: รุ่น 136a (รหัส “a”) ถูกจำกัดให้เชื่อมต่อผ่านสาย USB 2.0 กับคอมพิวเตอร์เท่านั้น หากคุณต้องการสั่งพิมพ์จากมือถือโดยตรง คุณต้องเลือกรุ่น HP 136w (รหัส “w”) เท่านั้น
  • จำกัดสี: เครื่องนี้เป็น ขาวดำ 100% ไม่สามารถพิมพ์สีได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับงานเอกสาร, ใบเสร็จ, สัญญา, และรายงานที่เป็นตัวหนังสือเท่านั้น

เหมาะกับใคร: เหมาะกับออฟฟิศขนาดเล็ก, พนักงานบัญชี, หรือนักศึกษาที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวเป็นประจำ

4. ความทนทานต่อปริมาณงาน (Duty Cycle)

เครื่องปริ้นเตอร์เลเซอร์ถูกออกแบบมาให้รองรับปริมาณงานที่สูงกว่า Inkjet มาก แม้ว่า HP 136a จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ก็มีรอบการทำงานต่อเดือน (Duty Cycle) ที่สูง

  • Duty Cycle: สูงสุด 10,000 แผ่นต่อเดือน
  • ปริมาณการพิมพ์ที่แนะนำ: 100 – 2,000 แผ่นต่อเดือน

หมายความว่าเครื่องนี้สามารถรองรับการพิมพ์งานจำนวนมากได้อย่างสบายใจตลอดอายุการใช้งาน และมีอัตราการซ่อมบำรุงที่ต่ำกว่าเครื่อง Inkjet ที่มีราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งต้องเปลี่ยนหัวพิมพ์เมื่อใช้งานหนักถึงจุดหนึ่ง

5. ฟังก์ชัน All-in-One และการจัดการงานเอกสาร

แม้จะเป็นรุ่นประหยัด แต่ HP 136a ก็มอบฟังก์ชันมัลติฟังก์ชัน (MFP) ครบถ้วน ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่และงบประมาณ

  • Print, Scan, Copy: ทำได้ครบจบในเครื่องเดียว
  • การสแกน: คุณภาพการสแกนเอกสารคมชัดเพียงพอสำหรับการเก็บไฟล์งานสำคัญ (PDF, JPG)
  • การถ่ายเอกสาร: มีความเร็วในการถ่ายเอกสารที่น่าพอใจ และมีฟังก์ชัน ID Copy (ถ่ายบัตรประชาชนหน้า-หลังในหน้าเดียว) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยประหยัดเวลาได้อย่างดีสำหรับงานธุรการ

สรุป: HP 136a ยังน่าซื้ออยู่ไหมในปี 2025?

HP Laser MFP 136a ยังคงเป็นหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดเครื่องพิมพ์ขาวดำสำหรับปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการ ความน่าเชื่อถือและความคมชัด ของงานเลเซอร์ในราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้

สรุปความเหมาะสม

รูปแบบการใช้งานเหมาะสมหรือไม่?
ใช้งานน้อย/นานๆ พิมพ์ทีเหมาะสมอย่างยิ่ง (ไม่ตัน)
เน้นงานเอกสารขาวดำเหมาะสมอย่างยิ่ง (คมชัด เร็ว)
ต้องการพิมพ์งานสีไม่เหมาะสม
ต้องการพิมพ์จากมือถือ (Wi-Fi)ไม่เหมาะสม (ต้องเลือกรุ่น 136w)
พิมพ์งานมากกว่า 2,000 แผ่น/เดือนเหมาะสม แต่ควรพิจารณารุ่น Business Grade ที่มีตลับ High Yield

หากคุณรับได้กับการต่อสาย USB และไม่ได้ต้องการงานสี HP 136a คือทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดที่มอบต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่นในระยะยาวที่น่าพึงพอใจค่ะ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ Section)

Q: HP 136a รองรับกระดาษหนาสุดกี่แกรม?

A: รองรับน้ำหนักกระดาษได้ตั้งแต่ 60 ถึง 163 แกรม ซึ่งเพียงพอต่อการพิมพ์รายงานปกติและกระดาษปกรายงานทั่วไป

Q: ต้องติดตั้ง Driver ยากไหม?

A: การติดตั้งทำได้ง่ายมาก เพียงเสียบสาย USB แล้วรันโปรแกรมติดตั้งจากแผ่น Driver หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ HP โดยตรง หากใช้ Windows รุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะสามารถตรวจจับและติดตั้ง Driver ได้เองค่ะ

Q: หากใช้หมึกเทียบเท่า (Compatible) จะมีผลเสียอะไรไหม?

A: การใช้หมึกเทียบเท่าจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก แต่มีความเสี่ยงที่เครื่องจะแจ้งเตือนว่าหมึกไม่ใช่ของแท้ ซึ่งอาจต้องมีการติดตั้งชิปในตลับเทียบเท่าให้ถูกต้อง และต้องระวังเรื่องคุณภาพของผงหมึกที่อาจทำให้ความคมชัดลดลงเล็กน้อยค่ะ